การเล่าเรื่องของ Fake โกหกทั้งเพ

หากพูดถึงหนังไทย สองประเภทแรกที่คนเรานึกถึงกันน่าจะไม่พ้นหมวดหมู่ของหนังผี ไม่ก็หนังตลก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำออกมาเยอะจริงๆ และก็ยังขายได้ เพราะว่าตลาดบ้านเราตอบรับหนังสองประเภทนี้ค่อนข้างดี ทั้งยังเป็นหนังที่ดูได้หลายวัย เบาสมอง สนุก ที่ล้วนเป็นวัตถุประสงค์แรกๆของการหาหนังดูของคนหลายคน ถ้าลองเสิชในเน็ตว่า ดูหนังไทย ก็มักจะเป็นหนังสองประเภทนี้ที่โผล่ขึ้นมาก่อนเพื่อน แต่จริงๆแล้ววงการหนังไทยเราก็ได้ได้ต่างจากประเทศอื่นๆมากนัก ที่มีผู้กำกับ ผู้ผลิตหลายคน ที่พยายามสร้างผลงานออกมาให้หลากหลาย และหนึ่งในนั้นก็คือแนวดราม่า ทริลเลอร์ ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี เพราะไม่ค่อยมีข้อจำกัดในเรื่องของการทำเทคนิค CGI มาเกี่ยวข้องเท่าไหร่ ทำให้คนที่ชอบดูหนังไทย หนีไม่พ้นแนวพวกนี้ และถ้าหาดูหนังไทย จะบนเว็บหนังออนไลน์ หรือย้อนดูหนังโรง ยังไงก็หนีไม่พ้นแนวพวกนี้แน่ๆ

หนึ่งในเรื่องที่แอดได้ดูแล้วทำให้นึกถึงหนังฝรั่งและหนังร่วมสมัยหลายๆเรื่องเลยก็คือ Fake โกหกทั้งเพ ที่ออกฉายในปี 2003 (20 ปี ที่แล้ว) นำแสดงโดยคุณอั้ม พัชราภา ที่ดูไม่แก่ลงเลยในปัจจุบัน โดยตัวหนังมีความพิเศษที่วิธีการเล่าเรื่อง ซึ่งโดยรวมของตัวหนังคือกลุ่มเพื่อนผู้ชาย 3 คน ที่เช่าห้องอยู่ด้วยกัน และต่างคนต่างก็มีปัญหาความรักของตัวเอง และเล่าเรื่องไปทีละส่วนของแต่ละคน จนกระทั่งตอนท้ายที่ค่อยๆมาเฉลยว่า ผู้หญิงที่ทั้งสามคนมีปัญหาความสัมพันธ์อยู่ด้วยนั้น ที่จริงแล้วเป็นคนเดียวกัน โดยพล็อตประมาณนี้ สำหรับใครที่ชอบดูหนังไทย หรือดูหนังมาเยอะ ถ้าเป็นหนังตะวันตก หนังฮอลลีวู้ด มักจะมีเป็นเรื่องปกติและไม่ใช้พล๊อตเรื่องหลักที่นิยมเอามาทำหนังเท่าใดนัก ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะว่าเรื่องของการสับราง การเปลี่ยนคู่นอน และความสัมพันธ์ของหนุ่มสาว หากว่าไม่ใช่ภาพยนตร์รักโรแมนติกแบบเต็มตัว ก็มักไม่ถูกมองเป็นเรื่องสำคัญขนาดที่ต้องมีหนังทั้งเรื่องที่เอาไว้เล่าความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงนี้ หรือถ้ามีก็อาจจะทำเป็นกึ่ง Comedy ไปเลย ผิดกับ culture ของบ้านเราที่การนอกใจ สับราง เปลี่ยนคู่นอน เป็นเรื่องที่คนนิยมให้ความสนใจ ซึ่งจริงๆก็อนุมานเอาได้จากการที่โครงเรื่องของละครหลังข่าวกว่าค่อนของจำนวนละครทั้งหมด มักจะมีเรื่องแบบนี้เป็นแกนเรื่องหลักอยู่เสมอ และมันก็ยังคงมีฐานผู้ชมอยู่ไม่ว่าจะยุคไหนๆ

สำหรับวงการหนังทั่วโลกแล้ว การเล่าเรื่องแบบนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่นัก บางเรื่องที่พล็อตเรียบง่าย สรุปได้ในบรรทัดเดียว แต่กลายเป็นหนังรางวัลด้วยวิธีการเปลี่ยนการเล่าเรื่องให้หักมุมหรืองงจนน่าปวดหัวก็มีมาเยอะแล้ว แต่สำหรับหนังไทย Fake โกหกทั้งเพ ก็เป็นหลักฐานที่บอกว่าวงการหนังไทยไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ เพียงแต่ภาพยนตร์ไทยที่ได้รับการพูดถึง หรือนิยมจนกลายมาเป็นหนังคลาสสิคของไทย มันมักจะเล่าเรื่องที่ย่อยง่ายกว่านั้น หรือไม่ก็เป็นแนวที่มีผู้บริโภคเยอะ และที่จริงแล้วก็มีหนังไทยอีกมากที่ไม่ดังในบ้านเรา แต่ไปได้รางวัลที่อื่น

ส่วนสรุปของหนังเรื่องนี้ จากมุมมองของแอดที่ดูหนังไทยมามากประมาณนึง และจากการที่พยายามนำไปเปรียบเทียบกับหนังประเภทเดียวกัน โดยรวมแล้วถือว่าออกมาค่อนข้างดีและแปลกใหม่ รวมไปถึงการแสดงของอั้มในยุคนั้นที่เชื่อว่าคงมีคนไม่น้อยที่ให้ความสนใจกับตัวหนังเพราะนักแสดงคนนี้ ที่ถือเป็นดาราอันดับต้นของไทย ทั้งหนังโรงและละคร แต่สำหรับส่วนที่คิดว่าหนังทำออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่ คือการปูพื้นฐานของตัวละครแต่ละตัวที่พาไปสำรวจได้ลึกไม่เท่ากัน ในขณะที่เนื้อเรื่องหลักจะวนอยู่กับแค่สามตัวละครนี้เท่านั้น การที่หนังไม่ได้พาไปสำรวจตัวละครมากพอ ก็จะทำให้คนดูไม่มีความรู้สึกเห็นใจหรืออยากติดตาม และอินกับเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวละคร 3 ตัวนี้มากเท่าที่มันควรจะเป็น

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *